วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ย่ำแดนพิศวง ท่าปอมคลองสองน้ำ (จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย)

               ท่าปอมคลองสองน้ำ กระบี่ บริเวณท่าปอม สายน้ำจืดซึ่งเป็นธารน้ำพุใสสะอาดจากใต้ดิน ไหลรินผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตามช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง และยังมีน้ำเค็มท่วมถึงยามน้ำขึ้น มีผืนป่ารอบข้างที่มีทั้งป่าชายเลนซึ่งเป็นป่าที่เติบโตอยู่ ในน้ำกร่อยและน้ำเค็มผสมผสานกับป่าพรุน้ำจืด คลองท่าปอมจึงกลายเป็นคลองสองน้ำ (น้ำจืด+น้ำเค็ม) ปัจจุบันสำนักงานการท่องเที่ยวจึงจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 700 เมตร ลักษณะเป็นสะพานไม้ที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ทอดยาวเป็นวงรอบเหนือผืนป่าพรุและป่าชายเลน ท่าปอมคลองสองน้ำ มีลำคลองน้ำใส ต้นน้ำจากเขาคราม ไหลผ่าน ป่าดิบชื้น ป่าพรุ ป่าชายเลน และทะเลอันดามัน
             ท่าปอมคลองสองน้ำ ป่าพรุท่าปอม คลองท่าปอม เป็นชื่อของลำธารสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ในต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ มีต้นกำเนิดหรือต้นน้ำจากแอ่งน้ำผุดบนช่องพระแก้วไหลผ่านสระน้ำกลางป่า ปลายทางของคลองนี้จะไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยคลองท่าปอมอยู่บริเวณรอยต่อของน้ำจืดกับน้ำเค็มพอดี จนกลายเป็นคลองน้ำจืดสนิท ยามน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น น้ำในคลองที่จืดสนิทจะกลายเป็นน้ำกร่อย น้ำจะขุ่น ปลาทะเลจะเข้ามาหาอาหารในคลอง ครั้นพอน้ำลงน้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันออกน้ำทะเลออกหมด รวมทั้งเหล่าปลาทั้งหลายก็จะแหวกว่ายกลับไปอีกครั้ง น้ำในคลองจะใสราวกระจก มองดูเป็นสีเขียวมรกต มีสีเขียวอมฟ้า น้ำจืดที่ใสแจ๋วแหววต้องแสงแดด จะส่งประกายระยิบระยับราวแก้วผลึก เป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินชม ท่าปอม มากที่สุด เนื่องจากมีสารละลายหินปูนหรือแคลเซี่ยมคาร์บอร์เนตและกำมะถันปนอยู่มาก ที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัวเมื่อ สายน้ำ ไหลผ่านหินปูน เจ้าสารตัวนี้ก็จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่งน้ำในลำคลองท่าปอม จึงใสไหลเย็นมองเห็นตัวปลาและพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจนโดยบางช่วงใต้ท้องน้ำ จะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็น ได้อย่างถนัดตาส่วน บางช่วงก็ดูเพลินตาด้วยฝูงปลาที่แหวกว่ายทวนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ
                  จากการที่น้ำทะเลขึ้นและลงทำให้ท่าปอม ที่เป็นทั้งคลองน้ำจืด และคลองน้ำเค็มกลายเป็นป่าพรุ ในอดีตนั้นท่าปอม เป็นป่าพรุ รกทึบ มีต้นไม้แน่นเต็มไปหมด พื้นที่ดินเต็มไปด้วยรากไม้ มีพื้นที่ 300 ไร่ ยากต่อการเข้าถึง จนกลายเป็นระบบนิเวศเล็กๆ แบบป่าพรุน้ำจืด แบบพื้นที่ชุ่มน้ำ แบบป่าดิบ และแบบป่าชายเลน อันชวนพิศวง จึงกลายเป็นที่มาของคำว่า ท่าปอม คลองสองน้ำ นอกจากจะเป็นรอยต่อของ 2 น้ำแล้ว ยังทำให้เกิดจุดบรรจบของ 3 ป่าอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน คือ ป่าโกงกาง พังกาหัวสุม และไม้พืชป่าชายเลนอยู่ร่วมกับชมพู่น้ำ ไม่ป่าพรุอย่างกลมกลืน โดยมีหลาวชะโอน ไม้ป่าดิบชื้น ถือว่าเป็นป่าชายเลนที่มีความเป็นมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยา เพื่อเรียนรู้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดิน และพืชพรรณที่สามารถเติบโต ได้ทั้ง ในน้ำและบนดิน คลองสองสายน้ำมีลักษณะพิเศษ ของระบบนิเวศ ที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำ คนสมัยก่อนเชื่อว่าท่าปอมเป็นป่าอาถรรพ์ ดินแดนพิศวง หรือดินแดนต้องห้าม เต็มไปด้วยเรื่องราวอาถรรพณ มีจระเข้เผือกเป็นสัตว์ของเจ้าป่าคอยดูแลป่าท่าปอม ซึ่งเป็นสัตว์ของเจ้าที่เจ้าป่าคอยปกปักรักษาไว้ หากใครล่วงละเมิด ฝ่าฝืนจะเกิดอาเพศ กระทั่งต้องมีอันเป็นไป และหากไม่จำเป็นจริงๆแล้ว ชาวหนองจิกจะห้ามลูกหลานว่าอย่าเข้าไปใกล้ แต่หากต้องไปตักน้ำจืดมาบริโภคในหน้าแล้ง หรือไปลงเรือหาปลา หาอาหารในที่แห่งนี้ ก็อย่าเอาอาหารที่มีเนื้อหมูเข้าไปใกล้ และหากจะลงอาบน้ำ ก็ต้องเว้นวันเสาร์และวันอังคาร แม้จะไม่มีใครอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไม แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครอยากฝ่าฝืน จะมีก็แต่พวกวัยรุ่นบางกลุ่มเท่านั้น ที่หาญกล้าอาศัยความรกเรื้อของป่าพรุท่าปอมเป็นแหล่งมั่วสุม จึงไม่มีใครกล้าเข้ามา แต่ด้วยความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ช่วยกันดูแลปกปักรักษาป่าไว้
จนกระทั่งเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว มีโต๊ะครูปอม (โต๊ะครู คือครูสอนศาสนาอิสลาม ที่มีความรู้ด้านศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี) เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วตั้งชื่อป่าพรุแห่งนี้ว่า พรุท่าปอมตามชื่อของโต๊ะครู จากนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านเข้ามาทำมาหากินจนกลายเป็นชุมชนเขาครามพอเริ่มมีคนอยู่อาศัยมากขึ้น และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาดูความมหัศจรรย์ของท่าปอม คลองสองน้ำ เป็นจำนวนมากขึ้น ทาง อบต. เขาครามโดยการสนับสนุนงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยกระดับ 2 เมตรจากพื้นดิน ทำเป็นวงรอบพื้นที่ป่า ลักษณะเป็นสะพานไม้ที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ทอดยาวเป็นวงรอบเหนือผืนป่าพรุและป่าชายเลน ระยะทาง 700 เมตร และจัดเจ้าหน้าที่ดูแล มีลำคลองน้ำใส รากไม้คดเคี้ยว แตกแขนงแผ่กว้าง และปลาน้ำจืดปลาน้ำเค็ม ที่สลับกันมาว่ายเวียนหาอาหาร เป็นที่งดงามและหาดูได้ยาก หากเดินทวนกระแสน้ำท่าปอมขึ้นไป จนถึงเขตหวงห้าม จะพบสระน้ำสีไพลินกลางป่าเขียว เรียกว่าแอ่งท่าปอม หากเดินต่อไปอีก 500 เมตร จะพบแอ่งน้ำลักษณะเดียวกัน เรียกว่า สระน้ำช่องพระแก้ว สามารถเที่ยวชมคลองสองน้ำได้ตลอดทั้งปี ควรเที่ยวชมในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมาก
เสน่ห์ของ ท่าปอม อีกอย่างหนึ่งคือ รากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตามริมตลิ่งสองฝั่งคลองโดยรากของต้นไม้หลาย ประเภทจะปรับตัวด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ในลักษณะเลาะเลี้ยวเคี้ยวโค้งเกี่ยวกวัดรัดกันไปมา ดูสวยงาม แปลกตาน่ามอง โดยรากของตนไม้ที่พบมากก็เห็นจะหนีไม่พ้นรากของต้นชมพู่น้ำ ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ใช่แค่มีราก ที่มีเสน่ห์ แต่ว่า ยามที่ชมพู่น้ำออกดอกก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เพราะว่าแต่ว่าดอกของชมพู่น้ำที่มีช่อสั้นๆมีเกสร ตัวผู้ สีขาวนวลดูเล็กฝอยฟูฟ่องนั้นงามไม่เบาทีเดียวโดยเพาะยามที่ดอกชมพู่น้ำร่วง หล่นลงไปลอยในสายน้ำดูพลิ้วไหว นั้นน่าชมมากๆและพวกรากไม้ต่างๆนี่แหละที่ถือเป็นจุดเกาะยึดอย่างดีของคนที่ ลงไปเล่นน้ำ ซึ่งทาง อบต. เขาครามเปิดบางช่วงให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำได้ แต่ว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งป่าท่าปอมในความรู้สึก ที่แตกต่างไปจากการเดิน ชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงามของคลองสองน้ำและป่าท่าปอมได้




     อ้างอิง
                            ข้อมูล http://www.dekguide.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น